ผ่าตัดดึงหน้า ราคา เริ่มต้นเท่าไหร่ ?? เป็นคำถามที่วิ่งวนอยู่ในหัวของคนที่มีปัญหาหน้าเหี่ยวย่น เป็นปัญหาที่ใครหลายคนต่างกังวล และไม่อยากให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของตนเองทั้งนั้น แต่ด้วยธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อเรามีอายุมากขึ้น และต้องเผชิญกับปัจจัยต่าง ๆ ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน ท่ามกลางแดดประเทศไทย แน่นอนว่าทำให้การรักษาผิวพรรณหน้าของเราให้สวยงามเป็นสิ่งที่ท้าทาย
สารบัญ ผ่าตัดดึงหน้า ราคา เริ่มต้นเท่าไหร่ ??
การดึงหน้าคือ ?
ดึงหน้า คือ การแก้ปัญความหย่อนคล้อยบนใบหน้าแบบตรงจุด ที่มีสาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การดึงหน้าประกอบไปด้วยหลายระดับ แต่ที่โรงพยาบาลวรรณสิริ จะดึ่งหน้าอยู่ที่ 3 ระดับหลัก ๆ ดังนี้
1) การดึงหน้าด้วยเทคนิค Mini Lift
การผ่าตัดดึงรอยขมับ และรอยบริเวณช่วงแก้มส่วนบน ยาวจนไปถึงบริเวณช่วงหางตา และบริเวณคิ้วที่ตก เมื่อใบหน้าบริเวณดังกล่าวถูกยกขึ้น ก็จะทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ลงในระดับหนึ่ง การดึงแบบนี้จะเรียกว่าการดึงระดับ Temporal Lift
ซึ่งในบางกรณี นอกจากบริเวณแก้มส่วนบนของลูกค้ามีรอยย่นเห็นชัดอยู่แล้ว ลูกค้าประสบปัญหามีรอยร่องแก้มเกิดขึ้น ก็อาจจะต้องใช้เทคนิคดึงหน้าเพิ่มแบบ Mini Lift ซึ่งเป็นการดึงหน้าผสมระหว่าง Temporal Lift ควบคู่กับดึงร่องแก้มส่วนบนนี้ไปด้วย
2) การดึงหน้าด้วยเทคนิค Anterior Lift
หากรอยร่องแก้มส่วนบนยาวชัดมากจนไปถึงบริเวณร่องแก้มส่วนล่าง แพทย์ก็ต้องใช้เทคนิคดึงหน้าแบบ Anterior Lift เข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มบริเวณการดึงให้ไปครอบคลุมทั้งส่วนบนยาวจนไปถึงใบหน้าส่วนล่าง รวมไปถึงบริเวณร่องแก้ม
3) การดึงหน้าด้วยเทคนิค Full Face Lift
เป็นกระบวนการการผ่าตัดดึงหน้าแบบครอบคลุมทั้งบริเวณที่กล่าวมาข้างต้น ยาวจนไปถึงบริเวณใต้คาง และส่วนของรอยย่นที่คอ
การดึงหน้าแบบ Full Face Lift และ การดึงหน้าแบบ Mini Lift เฉพาะจุดแตกต่างกันอย่างไร ?
ในความเป็นจริวแล้ว Full Face Lift คือการดึงหน้าบริเวณที่หย่อนคล้อยทั้งหมดตั้งแต่บริเวณส่วนของใบหน้าส่วนบน ใบหน้าส่วนล่าง ยาวลงจนมาถึงบริเวณคอ และใต้คาง โดยใช้เทคนิคการดึงแบบให้เป็นส่วนเดียวกัน และดึงขึ้นไปพร้อมกัน
แต่แน่นอนว่า รอยแผลการดึงแบบ Full Face Lift ก็จะยาว และลูกค้าทุกคนไม่ได้จำเป็นที่จะต้องดึงทั้งหน้าขนาดนั้น แต่ละคนก็มาด้วยปัญหารอยย่นบนใบหน้าที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น การดึงหน้าเฉพาะจุดเอง ก็มีข้อดีในการแก้ปัญหารอยย่นบนใบหน้าของลูกค้าอย่างถูกจุดได้ ประหยัดทั้งเวลาในการผ่าตัด เงิน ระยะในการพัรพักฟื้น และไม่ต้องเจ็บเยอะหลายบริเวณ
ระยะเวลาในการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า
ขึ้นอยู่กับระดับที่เลือกดึง โดยเฉลี่ยแล้ว การผ่าตัดดึงหน้าแบบ Temporal Lift หรือ Mini Lift ใช้เวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง
แต่หากเป็นการศัลยกรรมดึงหน้าระดับ Full Face Lift ก็จะใช้เวลาที่นานมากขึ้น เฉลี่ยผ่าตัดครั้งหนึ่งใช่เวลา 3 – 4 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว
หลายคนกังวลเกี่ยวกับแผลเป็นหลังการศัลยกรรมดึงหน้า ?
แน่นอนว่าการศัลยกรรมดึงหน้าทิ้งแผลไว้บนหน้าแน่นอน แต่ปัจจัยในการที่ทำให้เส้นนี้มองเห็นชัด หรือ ไม่ชัด ขึ้นอยู่กับความชำนาญการของแพทย์แต่ละที่
ซึ่งที่โรงพยาบาลวรรณสิริ เราใช้เทคนิคการดึงหน้าที่ตึง แต่ดึงไม่ตึงจนเกินไป รวมถึงระยะในการตัดก็ต้องพอดีกับลูกค้าเคสนั้น ๆ ทำให้รอยแผลเป็นหลังจากการผ่าตัดดึงใบหน้าจากที่โรงพยาบาลวรรณสิริ จะเป็นรอยเส้นบาง ๆ บนใบหน้าของลูกค้าเท่านั้น ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป เส้นนี้ก็จะเป็นเส้นรอยแผลเป็นจาง ๆ ยากที่จะมองเห็นได้ แต่แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ได้มา แลกกับรอยแผลที่แทบมองไม่เห็นเส้นนั้น คุ้มค่าที่จะแลก
ดึงหน้า Q&A กับคำถามสุดฮิต
เมื่อคนเราอายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายย่อมมีการเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสภาพไปตามวัย จากผิวหนังที่เคยเต่งตึงเปล่งปลั่งก็เริ่มที่จะเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อยไปตามวัย และถ้าหากไม่มีการดูแลตนเองตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะยิ่งทำให้ความหย่อนคล้อยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและลำคอ แล้วความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นนี้ ควรรักษาด้วยวิธีไหน จะผ่าตัดดึงหน้า ทำไฮฟู่ หรือสารคลายกล้ามเนื้อดี นาบิลาบอกหมด . . . รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการศัลยกรรมดึงหน้า
ทำความรู้จักกับความหย่อนคล้อยของใบหน้าและลำคอ
ก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับวิธีรักษาความหย่อนคล้อยของใบหน้าและลำคออย่างการผ่าตัดดึงผิวหน้าให้ตึง เราควรที่จะทำความเข้าใจกับลักษณะของความหย่อนบนใบหน้าและลำคอก่อน ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ 7 บริเวณบนใบหน้าและลำคอ ดังนี้
1.บริเวณหน้าผากและคิ้ว
เกิดรอยย่นพับเป็นจีบ (Deep Horizontal Forehead Furrow)
คิ้วตก (Eyebrow Ptosis)
ระยะระหว่างไรผมถึงคิ้วจะกว้างขึ้น หรือที่เรียกว่า “หัวเถิก” (Elongation of Forehead)
2.บริเวณดวงตา
กล้ามเนื้อยกหนังตาอ่อนแรงจากการยืด / หย่อน (Aponeurotic Ptosis)
หนังตาบนหย่อนคล้อยตกลงมาบางครั้ง บังจนไม่เห็นชั้นตา (Dermatochalasis)
บริเวณหางตาจะตกลงมาเร็วกว่าบริเวณอื่นจนแลดูเป็นคนเศร้าหมอง (Lateral Hooding)
3.บริเวณจมูก
ปลายจมูกจะงุ้มและเตี้ยลง (Tip Ptosis)
4.บริเวณแก้มส่วนบน
มองเห็นร่องใต้ตาชัดขึ้น (Tear Trough Deformity)
ร่องแก้มเราลึกขึ้น (Deepening Nasolabial Fold)
5.บริเวณปาก
มุมปากเราก็จะตกและคว่ำลง (Drooping Angle Of Mouth)
ระยะระหว่างจมูกกับริมฝีปากบนยืดยาวขึ้น (Upper Lip Elongation)
6.บริเวณแก้มส่วนล่าง
แก้มห้อย (Jowl)
ร่องน้ำหมาก (Marionette Fold)
กรอบหน้า และคอที่คมชัดหายไป (Loss Definition Of Face & Neck) ทำให้แก้มส่วนล่างกับคอส่วนกลมกลืนเป็นผืนเดียวกัน แยกกันไม่ออก
7.บริเวณคอ
เห็นเหนียงชัดขึ้น
ยิ่งถ้ามีไขมันสะสมด้วย ก็จะเห็นเป็นคาง 2 ชั้น (Double Chin)
ความหย่อนคล้อยจะทำให้มุมของคางกับลำคอดูป้านขึ้น (Obtuse Cervicomental Angle) (ปกติมุมนี้ที่เหมาะสมและดูอ่อนวัย จะอยู่ระหว่าง 105-120 องศา) ยิ่งบางคนคางยุบ และเล็กลงอีก ก็จะทำให้มุมระหว่างคางกับคอป้านมากขึ้นไปอีก
บางคนจะมีร่องในแนวขวางของคอ(Horizontal Neck Wrinkle)
บางคนบริเวณกลางลำคอมีแท่งนูนชัดเชื่อมระหว่างคางกับกระดูกไหปลาร้า ในแนวตรงเห็นเป็นลำ (Platysma Banding)
บางคนกล้ามเนื้อ (Platysma) หย่อนยานจนทำให้ไขมัน ต่อมน้ำลาย ย้อยมากองบริเวณตรงกลางคอ (Turkey Neck)
ผ่าตัดดึงหน้า ราคาเท่าไหร่ ??
ผ่าตัดดึงหน้าราคา ที่ไทยต่างกับดึงหน้าเกาหลี มากไหม?? เป็นคำถามที่ได้ยินบ่าย ๆ มากเลยค่ะ สำหรับใครที่กำลังลังเลอยู่จะผ่าตัดดึงหน้าในไทยหรือว่าจะไปดึงหน้าที่เกาหลีดี ??
ดึงหน้าเกาหลี ราคา นั้นต้องบอกเลยค่ะว่าไม่ได้แพงอย่างที่ทุกคนคิด เพราะว่า
ดึงหน้าแผลเล็ก ยกกระชับ Mini Lifting เริ่มต้นเพียง 260,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นไม่ต่างกันกับการดึงหน้าที่โรงพยาบาลศัลยกรรมในประเทศไทย
ดึงหน้าอยู่ได้กี่ปี ??
สำหรับการศัลยกรรมดึงหน้า ไม่ว่าจะด้วยเทคนิค นานถึง 5 – 10 ปี
ดึงหน้า กี่วันหาย ??
อาการบวมช้ำหลังการทำศัลยกรรมดึงหน้า โดยปกติต้องมีอาการบวมช้ำที่ไม่เยอะ หากมีการช้ำเยอะ แสดงว่าอาจเกิดจากการมีเลือดออกได้ ซึ่งถือว่าเป็นภาวะที่ผิดปกติ ต้องมาทำการผ่าตัดระบายเลือดออก
ข้อดีและข้อเสียของการศัลยกรรมดึงหน้า
สำหรับข้อดีและข้อเสียของการศัลยกรรมดึงหน้ามีดังต่อไปนี้
ข้อดีของการดึงหน้า
มีประสิทธิภาพสูงกว่าและอยู่ได้นานกว่าการดึงในแนวตื้น เนื่องจากมีการแก้ไขเอ็นยึดหน้าหรือตะปู (Facial Ligament) โดยตรง ก่อนที่จะดึงผิวหน้าไปตามแนวที่เราต้องการ
แรงตึงตัวของแผลเย็บน้อย (Tension Fee) จึงมีโอกาสเกิดแผลเป็น (Hypertrophic Scar) และคีลอยด์ (Keloid) น้อยกว่าการผ่าตัดเทคนิคแรก
ผลของการผ่าตัดจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เนื่องจากแพทย์จะดึงเนื้อเยื่อชั้น SMAS ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกกว่าผิวหนังชั้นตื้น
ได้ผลดีกับปัญหาที่แก้ไขยาก เช่น มุมปาก หรือหมาจูข้างแก้ม ซึ่งไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีการผ่าตัดดึงผิวหนังชั้นตื้น (Subcutaneous Face Lifting), ทำ RF, ทำ HIFU หรือร้อยไหม (Thread Lifting)
ข้อเสีย ของการดึงหน้า
ข้อเสีย ของการดึงหน้า ข้อที่ 1 หลังจากศัลยกรรมดึงหน้า ใบหน้าของท่านจะดูเด็กลงไปเป็น 10 ปี จนเพื่อนต้องทักว่าไปทำอะไรมา ??
ดึงหน้าเหมาะกับใคร
การดึงหน้าเหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ที่ต้องการดูดีตลอดเวลา
การดึงหน้าเหมาะกับมีเวลาในการพักฟื้นน้อย
การดึงหน้าเหมาะกับอายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไป
การดึงหน้าเหมาะกับผู้มีปัญหาเรื่องตีนกา, ร่องแก้ม, รอยย่นบนผิวหน้า, หางตาไม่เท่ากัน
การดึงหน้าเหมาะกับมีปัญหาเรื่องแก้มห้อย, แก้มไม่เท่ากัน
การดึงหน้าเหมาะกับพบว่า การร้อยไหมอาจไม่ตอบโจทย์กับผิวหน้าของตนเองตามที่คาดหวัง
ข้อห้ามหลัง ดึงหน้า
การดูแลตัวเองหลังการดึงหน้า ดึงขมับ ดึงคอ มีดังนี้
การดูแลตัวเองหลังการดึงหน้าข้อที่ 1 คือการนอน
ควรนอนหมอนสูง อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ จะทำให้อาการบวมช้ำหายเร็วขึ้น
การดูแลตัวเองหลังการดึงหน้าข้อที่ 2 การใช้ยาทาและยารับประทาน
ยารับประทาน ควรรับประทานตามศัลยแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด แล้วเข้าพบศัลยแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อติดตามอาการหลังการผ่าตัด
ยาขี้ผึ้งสำหรับทาแผล ป้ายแผลผ่าตัด เช้า-เย็นหลังการเปิดแผล หรือระหว่างวันถ้ารู้สึกว่า แผลผ่าตัดแห้ง จนกว่าศัลยแพทย์จะสั่งให้หยุดทา
งดยา , วิตามิน , อาหารเสริม (ยกเว้นคอลลาเจน บริสุทธิ์ 100 %) และยาระงับปวดที่มีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน , NSAIDs , Heparin เป็นต้น) 7 วันก่อนและหลังการผ่าตัด เพราะจะทำให้เกิดภาวะเลือดออกหลังการผ่าตัดได้ ถ้าจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์
การดูแลตัวเองหลังการดึงหน้าข้อที่ 3 การทำแผล
วันรุ่งขึ้น (ครบ 24 ชั่วโมง) มาเปิดแผลที่คลินิก แต่ในบางกรณี อาจมีการเปิดแผลในวันที่ 3 ตามดุลยพินิจของศัลยแพทย์
ทางคลินิกจะนัดมาเปิดแผลในวันรุ่งขึ้นหรือวันที่ 3 ของการผ่าตัด หลังจากนั้น ให้ทำแผลโดยการประคบผ้าก็อซสะอาดชุบน้ำเกลือที่ทางคลินิกเตรียมให้ 10-15 นาที เพื่อซับเอาคราบสกปรกและน้ำเหลืองออกจากแผลและป้องกันการเกิดสะเก็ดติดแผล (ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการหายของแผล) แล้วป้ายด้วยขี้ผึ้งยาป้องกันการติดเชื้อเช้า-เย็นและระหว่างวันที่แผลผ่าตัดแห้ง กรณีที่ได้ Stratamed Gel ด้วย ควรป้ายเจล Stratamed Gel ทิ้งไว้ให้แห้ง จึงจะป้ายขี้ผึ้งยาทับภายหลังจนกว่าจะตัดไหม
งดการทาแอลกอฮอล์หรือเบตาดีนบนแผล เพราะจะยิ่งระคายเคืองและทำให้เกิดแผลเป็นได้
ศัลยแพทย์จะนัดมาตัดไหม 7-10 วัน ตามดุลยพินิจของศัลยแพทย์
การดูแลตัวเองหลังการดึงหน้าข้อที่ 4 การดูแลตัวเองทั่วไป
งดให้แผลถูกน้ำ จนกว่าแผลเริ่มแห้ง (ประมาณวันที่ 4-5)
สระผมได้หลังจากแผลผ่าตัดแห้ง (ประมาณวันที่ 4-5) ด้วยความระมัดระวัง แล้วซับให้แห้ง (หากแผลผ่าตัดโดนน้ำหรือแชมพู) แล้วทาขี้ผึ้งยาเคลือบแผลผ่าตัดทุกครั้งหลังการสระผมจนกว่าแผลผ่าตัดจะหาย
งดอาหารรสจัดทุกชนิด เช่น หวาน , เค็ม , เผ็ดร้อน , อาหารหมักดองและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
งดออกกำลังกายหนัก 1 เดือน
งดสูบบุหรี่ 2 เดือน เนื่องจากบุหรี่ ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
การประคบเย็น ควรประคบเย็นเบา ๆ 1-2 วันแรกหลังการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวมของแผลผ่าตัด
การดูแลตัวเองหลังการดึงหน้าข้อที่ 5 ผ้ารัด หรือ ผ้ายืดพันศีรษะและใบหน้า
รัดศีรษะและใบหน้า ตลอด 3 วันแรก (ยกเว้นมีการเปิดแผลเพื่อทำความสะอาดของคลินิก)
หลังจากตัดไหมเสร็จแล้ว แนะนำให้รัดศีรษะและใบหน้าด้วยผ้ายืดดีไซน์พิเศษที่คลินิกแนะนำเวลาอยู่บ้านหรือกลางคืนอย่างน้อยวันละ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 1-3 เดือน (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศัลยแพทย์)
การดูแลตัวเองหลังการดึงหน้าข้อที่ 6 ขวดระบายที่ศัลยแพทย์ใส่ไว้บริเวณผ่าตัด
กรณีที่มีการใส่ขวดระบายน้ำเหลืองและเลือดเก่า ๆ ที่ค้างอยู่ในแผลผ่าตัด มีคำแนะนำในการดูแลดังนี้ คือ
ระวังไม่ให้เผลอดึงสายขวดระบายเป็นอันขาด
คอยรูดสายขวดระบาย (Milk) เป็นระยะๆ เพื่อป้องกันสายระบายอุดตัน
ศัลยแพทย์จะเอาขวดและสายระบายน้ำเหลืองออกในวันรุ่งขึ้นหลังการผ่าตัด (ครบ 24 ชั่วโมง) แต่ในบางกรณี อาจพิจารณาเอาออกในวันถัดไป (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศัลยแพทย์)
สนใจศัลยกรรมเกาหลี ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ID : @nabila
Face Book : Nabila Surgery
Instagram : nabilasurgery
Comments